
เลือกอ่านเนื้อหา
- 1. ทำไมต้องเสริมหน้าอกที่เดอะคลาส
- 2. ทำความรู้จักกับการเสริมหน้าอก "เทคนิคแผลเล็ก"
- 3. เสริมหน้าอก "เทคนิคแผลเล็ก" ดีอย่างไร
- 4. เสริมหน้าอกที่ เดอะคลาส มีแบบใดบ้าง
- 5. ชนิดของซิลิโคนเสริมหน้าอก
- 6. วิธีเลือกขนาดซิลิโคนเสริมหน้าอก
- 7. หลังเสริมอกจำเป็นต้องนวดมั้ยและนวดหน้าอกที่ไหนดี
- 8. วิธีการนวดหลังเสริมหน้าอก
- 9. วิธีใส่ซัพพอร์ทบราหลังการเสริมหน้าอกที่ถูกต้อง
- 10.การดูแลตัวเองหลังการผ่าตัดเสริมหน้าอก
ศัลยกรรมเสริมหน้าอก
เพิ่มเสน่ห์ เสริมบุคลิกภาพ ให้กับคุณผู้หญิงได้มีความมั่นใจแบบสาวยุคใหม่ ที่มีความ Beauty ทั้งภายในและภายนอก










ทำความรู้จักกับการเสริมหน้าอก "เทคนิคแผลเล็ก"

- เป็นการเสริมหน้าอกด้วยการ ใส่ซิลิโคนแบบไร้สัมผัส (Non-Touch Technique)
- เย็บแผลด้วย “Clear Scar Technique” ร่วมกับ เทคนิคการเย็บแผลพิเศษ “Ultra Small Incision” ของคุณหมอเติ๊ด ทำให้ได้รอยแผลขนาดเล็กกว่าปกติมากๆ
*ขนาดแผลเฉลี่ยประมาณไม่ถึง 2ซม. (ขึ้นกับขนาดซิลิโคนและผิวหนังของคนไข้)
#เสริมหน้าอกแผลเล็กที่สุดในประเทศ
เสริมหน้าอก "เทคนิคแผลเล็ก" ดีอย่างไร

- การผ่าตัดเสริมหน้าอกแผลเล็ก เป็นอีกหนึ่งเทคนิค ที่เดอะคลาสและหมอเติ๊ดคิดค้นเพื่อผ่าตัดให้คนไข้
มีรอยแผลที่เล็ก พักฟื้นน้อย แผลผ่าตัดหายไวขึ้น
พร้อมให้ง่ายต่อการใช้ชีวิตประจำวัน
#เสริมหน้าอกแผลเล็กที่สุดในประเทศ
เสริมหน้าอกที่ เดอะคลาส มีแบบใดบ้าง
ที่ เดอะคลาส มีการเสริมหน้าอก 2 แบบ คนไข้สามารถทำแบบใดแบบหนึ่งหรือทำร่วมกันทั้งสองอย่างในครั้งเดียว (Hybrid Technique) ก็ได้ตามความเหมาะสมกับความต้องการและสรีระคนไข้ ดัง
- การเสริมหน้าอกด้วยเต้านมเทียม (Breast Implant Augmentation)
- การเสริมหน้าอกด้วยไขมันตัวเอง (Fat Transfer Breast Augmentation) เป็นการเสริมหน้าอกด้วยเซลล์ไขมันตัวเอง มีข้อดีคือ มีความเป็นธรรมชาติสูง แต่มีข้อจำกัดอยู่บ้าง ได้แก่ ผู้รับการผ่าตัดต้องมีปริมาณไขมันเพียงพอที่จะทำการฉีดกลับเข้าไปจนได้ขนาดที่ตนเองพอใจ และการอยู่ตัวของไขมันที่เติมอาจแตกต่างกันได้ในแต่ละบุคคล
ชนิดของซิลิโคนเสริมหน้าอก
การแบ่งชนิดของซิลิโคนแบ่งได้หลายแบบ ได้แก่
- แบ่งตามสิ่งที่บรรจุอยู่ข้างใน เช่น แบบบรรจุน้ำเกลือ และแบบบรรจุซิลิโคนเจล (ซึ่งในปัจจุบันเกือบทั้งหมดจะใช้แบบบรรจุซิลิโคนเจล)
- แบ่งตามผิวภายนอกซิลิโคน มี 2 ชนิด ได้แก่
- ผิวภายนอกซิลิโคนชนิดผิวเรียบ(Smooth Surfaced)
- ผิวภายนอกซิลิโคนชนิดผิวหยาบหรือผิวทราย(Textured Surfaced)
- แบ่งตามรูปทรงของซิลิโคน ได้แก่
- ทรงกลม (Round): จะกลมเท่ากันทั้งลูก เหมือนลูกบอลที่กลิ้งไปมาได้ ไม่มีปัญหาในการดูแลระยะยาว
- ทรงหยดน้ำ (Teardrop): ออกแบบมาเพื่อให้เหมือนหน้าอกจริง ด้านบนจะแบน ด้านล่างจะคล้อยลงมา แต่ปัญหาคือผ่าตัดและดูแลยากกว่าทรงกลม ต้องใช้แพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญสูงเนื่องจากมีโอกาสที่ซิลิโคนจะหมุนกลับด้าน และเมื่อมีปัญหาต้องแก้ไขด้วยการผ่าตัดซ้ำ หรือต้องนวดบ่อยๆ เพื่อช่วยให้ซิลิโคนเข้าที่
ซึ่งซิลิโคนแต่ละชนิดจะมีทั้งขนาดและความนูนในระดับต่างๆ ให้เลือกตามความเหมาะสมตามลักษณะทางกายภาพเดิมของผู้รับการผ่าตัด
วิธีเลือกขนาดซิลิโคนเสริมหน้าอก
บางคนอาจมีความคิดว่าถ้าจะเจ็บตัวทั้งทีควรทำให้ใหญ่ไปเลย แต่ในความจริงแล้วการเลือกขนาดของซิลิโคนควรคำนึงถึงสรีระของเราด้วย เนื่องจากขนาดที่ไม่เหมาะสมจะทำให้เกิดผลเสียตามมา ได้แก่
- หน้าอกที่ใหญ่เกินไป จะทำให้รู้สึกแน่น หายใจไม่ออก และปวดหลัง
- เกิดปัญหาหัวนมชา เนื่องจากซิลิโคนขนาดใหญ่ไปเบียดหัวนมและเส้นประสาท
- ยิ่งขนาดใหญ่มากโอกาสที่นมจะแข็งเพราะพังผืดรัดตัวก็ยิ่งสูงขึ้น
โดยการเลือกขนาดซิลิโคนที่เหมาะสม ศัลยแพทย์จะเป็นผู้วิเคราะห์และประเมินจากปัจจัยหลายอย่าง ได้แก่
- ขนาดความสูงและความกว้างของลำตัว
- การวัดขนาดรอบอก วัดเส้นผ่านศูนย์กลางหน้าอก วัดความสูงหน้าอก วัดระยะจากหัวนมถึงฐานนม
- ลักษณะของเนื้อหน้าอกเดิม เช่น ความหย่อนคล้อย ความหนาของผิวหนัง และไขมันบริเวณหน้าอก
หลังเสริมอกจำเป็นต้องนวดมั้ยและนวดหน้าอกที่ไหนดี
“การนวดนม…ไม่ใช่เป็นการรักษาพังผืด แต่หากเป็นการป้องกัน ชะลอการเกิดหรือทำให้เกิดพังผืดช้าที่สุด”
- หลังผ่าตัด ยังไม่ต้องนวดใดๆ จนกว่าจะครบ 2 สัปดาห์ และ ต้องหายเจ็บปวดแล้วเท่านั้น
- ในการนวดไม่จำเป็นต้องนวดที่ร้าน สามารถนวดเองได้ในขณะที่อาบน้ำเช้าและเย็น โดย นวดเท่าที่ไหว ไม่ต้องกดนวดรุนแรง หรือลงน้ำหนักมือมากเกินไป เดี๋ยวจะเจ็บแผล และช่วงนั้น หน้าอกยังไม่เข้าที่ค่ะ จะระบมได้
นอกจากนี้ ยังสามารถปิด แผ่นกันรอยแผลเป็น (silicone sheath) ช่วยป้องกันการเกิดแผลเป็นนูน แนะนำให้ปิดไปอย่างน้อย 3 – 6 เดือน ขึ้นกับสภาพผิวของแต่ละคน เพราะ อัตราการเกิดแผลเป็นของแต่ละคนไม่เท่ากัน หรือจะใช้เป็น ยาลดรอยแผลเป็นก็ได้
📌โดยทั่วๆ ไปแล้ว จะเน้นให้นวดหน้าอก บ่อยๆ ในช่วงเวลา 3 เดือนแรกหลังผ่าตัด และหลังจาก 6 เดือนไปแล้วก็ยังคงสามารถนวดได้ และนวดต่อไปได้จนถึง 2 – 3 ปีหลังเสริมหน้าอก แนะนำให้ทำเป็นกิจวัตรจนเป็นนิสัยจะดีมาก
📌การนวดหน้าอกนวดเองได้จากที่บ้านนะคะ ไม่จำเป็นต้องไปนวดร้าน ควรใช้น้ำหนักมือในการนวด แบบพอดี ไม่ต้องหนักเกินไป หน้าอกของเรา เรานวดเองได้ หรือจะให้คุณแฟนช่วยนวดได้ก็ได้ค่ะ
วิธีการนวดหลังเสริมหน้าอก
การผ่าตัดเสริมหน้าอก ที่เป็นอีกศัลยกรรมที่ฮอตฮิตทั้งในหมู่สาวแท้สาวเทียมมานาน แท้ที่จริงแล้ว การจะมีหน้าอกที่ดูเป็นธรรมชาติ รูปทรงสวยเข้าที่ นุ่มนิ่ม เต่งตึง เด้งราวกับเป็นเต้านมแท้ที่คุณแม่ให้มา น่ามองและน่าสัมผัส มิใช่แค่ผ่าตัดเสร็จก็จบเรื่องหรอกนะ แต่จะอยู่ที่อีกหนึ่งเคล็ดลับสำคัญก็คือ การ “นวด” ที่ต้องนวดอย่างถูกวิธี นวดอย่างสม่ำเสมอ และต่อเนื่องตามที่แพทย์แนะนำ
คำถาม: แล้วต้อง นวดหน้าอก นานขนาดไหน และบ่อยขนาดไหน เรามาทำความเข้าใจกันก่อน
คำตอบ: อาจมีหลายท่านเคยได้ยินมาว่าหลังเสริมหน้าอกนิ่มได้แบบไม่ต้องนวด แท้จริงแล้วข้อมูลเหล่านั้นเป็นข้อมูลทางการตลาด
หากอ้างอิงตามหลักข้อเท็จจริงทางวิชาการแนะนำว่าควรมีการนวดอย่างสม่ำเสมอในช่วงหนึ่งปีแรกเช้า-เย็น และหลังจากนั้นก็ควรมีการนวดบ้างไปตลอดชีวิตซึ่งก็ไม่ได้เป็นสิ่งที่ยาก อะไรเราสามารถทำได้ด้วยตนเองเองที่บ้านเวลาอาบน้ำเช้า-เย็น
การนวดหน้าอกที่ถูกวิธี

ใช้มือดันซิลิโคน จากด้านนอกเข้าด้านใน เซ็ทละ10-15 ครั้ง, เช้า-เย็น
ใช้นิ้วบีบขอบบนซิลิโคน ให้รู้สึกได้ว่าชิ้นซิลิโคนมีการเคลื่อนที่
นวดอกวนรอบๆ เต้านม จะนวดคลึงแบบ ตามเข็มนาฬิกา หรือ ทวนเข็มนาฬิกาก็ได้ ส่วนนี้ ถ้านวดได้ดี จะทำให้เนื้อนมนิ่มไว ไม่แข็งตึง
ใส่ซัพพอร์ตบรา และแถบรัดหน้าอก อย่างต่ำ 3 เดือน
**ตำแหน่งของแถบรัดหน้าอก ให้ปรึกษาแพทย์ผู้ทำการผ่าตัดเพื่อแนะนำให้ตามความเหมาะสมของแต่ละเคส
การนวดหน้าอกเพื่อวัตถุประสงค์อะไร
นวดหน้าอก หลังเสริมอก เพื่อทำให้ ซิลิโคนหน้าอก อยู่ในโพรงและตำแหน่งที่เหมาะสม และเพื่อลดโอกาสการเกิดพังผืดรัดซิลิโคนในระดับที่มากเกินไป
- เพราะหลังจากที่มีการเสริมหน้าอกไปแล้ว กลไกทางธรรมชาติของร่างกายจะสร้างพังผืดขึ้นมาจับรอบๆ ซิลิโคน พอผ่านไปนานๆ พังผืดก็จะรัดตัว ส่งผลให้เต้านมแข็ง เป็นก้อน เป็นบล็อค ดูไม่สวยงาม ไม่เป็นธรรมชาติ
- การนวดจะเป็นอีกทางช่วยหนึ่งที่ทำให้พังผืดที่สร้างขึ้นมาเกิดขึ้นในระดับที่เหมาะสมในระดับที่เพียงพอต่อการยึดเกาะซิลิโคน และมีความนิ่มเป็นธรรมชาติ
- ลดโอกาสการเกิดพังผืดในระดับที่มากเกินไปจะเป็นความผิดปกติ ซึ่งหากเป็นมากก็จะมีอาการผิดรูป ปวดหรืออักเสบได้
วิธีใส่ซัพพอร์ทบราหลังการเสริมหน้าอกที่ถูกต้อง

วิธีการใส่ซัพพอร์ทบราหลังการผ่าตัดเสริมเสริมหน้าอก ถือเป็นอีกหนึ่งสิ่งที่สำคัญที่หลายๆ คนมักจะมองข้าม แต่ในความเป็นจริงแล้ว สิ่งนี้มีผลต่อรูปทรงของหน้าอกหลังการศัลยกรรมเป็นอย่างมากว่าจะมีรูปทรงเป็นไปตามเทคนิควิธีการของแพทย์ผู้ทำการผ่าตัดให้รึป่าว
การใส่ซัพพอร์ทบราหลังการเสริมหน้าอก มีวัตถุประสงค์เพื่อควบคุมตำแหน่งซิลิโคนให้คงที่อยู่ในตำแหน่งที่ต้องการ เนื่องจากการผ่าตัดแรกๆ แผลด้านในโพรงช่องอกยังไม่สมาน ร่างกายยังไม่เกิดการสร้างพังผืดบางๆ (เป็นกลไกตามธรรมชาติของร่างกายที่ต้องและควรเกิดขึ้นสำหรับผู้ใส่ซิลิโคนเต้านมเทียมทุกคนเพียงแต่ในเกณฑ์ปกติควรเกิดพังผืดบางๆ ระดับ1-2 เท่านั้น) มาช่วยยึดเกาะซิลิโคนไม่ให้เคลื่อนที่ไปตำแหน่งอื่น
ผู้รับการเสริมหน้าอกทุกคน ควรใส่ซัพพอร์ทบราตลอด 24 ชั่วโมง ในช่วง 3 เดือนแรก ของการผ่าตัด และในส่วนตำแหน่งของสายรัดหน้าอก ว่าจะต้อง คาดบน หรือ คาดล่าง ควรให้แพทย์ผู้ทำการผ่าตัดเป็นผู้แนะนำ เพื่อพิจารณาให้ตามความเหมาะสม ของแต่ละเคส และแต่ละช่วงระยะเวลา เนื่องจากแต่ละคนมีปัจจัยทางด้านกายภาพที่แตกต่างกัน จึงอาจมีความจำเป็นในการต้องได้รับการดูแลหลังผ่าตัดแตกต่างกันบ้างเล็กน้อยในบางรายละเอียด
การดูแลตัวเองหลังการผ่าตัดเสริมหน้าอก
รับประทานยาฆ่าเชื้อติดต่อกันทุกวันทุกมื้อจนหมด
ห้ามใช้มือพยุงตัวเองในการลุกจากเตียง ห้ามถือของหนัก(รวมถึงกระเป๋าถือ) ห้ามกางแขน ควรแนบแขนไว้กับตัวตลอด 2 สัปดาห์
ห้ามโดนน้ำ 7 วัน
ห้ามแกะผ้าพันที่แพทย์พันให้ออกโดยเด็ดขาดไม่ว่ากรณีใดๆ จนกว่าจะมาพบแพทย์ ตามวันและเวลาที่นัด!!
หลังผ่าตัด ยังไม่ต้องนวดใดๆ จนกว่าจะครบ 2 สัปดาห์ และ ต้องหายเจ็บปวดแล้วเท่านั้น ในการนวดไม่ต้องนวดที่ร้าน สามารถนวดเองได้ในขณะที่อาบน้ำเช้าและเย็น โดยการดันซิลิโคนเข้าหากัน ประมาณ 10-15 ครั้ง
ในวันนัดติดตามอาการหลังผ่าตัด ให้คนไข้เตรียมซัพพอร์ตบราที่จะเปลี่ยนกลับมาด้วย
ต้องใส่ซัพพอร์ตบราหลังผ่าตัดตลอด 24 ชั่วโมง เป็นเวลา 3 เดือน
(ข้อควรระวัง : การใส่ซัพพอร์ตบราผิดวิธี อาจมีผลทำให้เกิดปัญหาซิลิโคนลอยได้)