แชร์ประสบการณ์เคสฉีดจมูกฟิลเลอร์






สวัสดีครับ ผมหมอเติ๊ดนะครับ 🙏🏻🙏🏻🙏🏻
ช่วงนี้พอมีเวลาเลยอยากจะมาแชร์ประสบการณ์ คนไข้เคสจมูกที่ไปฉีดฟิลเลอร์มา ซึ่งถ้ามีเวลาควรให้ความสำคัญในการอ่านและศึกษากันให้ดีจริงๆ ก่อนการฉีดสารต่างๆ นะครับ
Filler (ฟิลเลอร์) คือสารใดๆ ที่ฉีดเข้าไปในร่างกายเพื่อเติมให้ส่วนต่างๆ ของร่างกายนั้นเต็มมากขึ้น ซึ่งจะหมายถึงสารอะไรก็ได้ครับ ไม่ว่าจะเป็นซิลิโคนเหลว สารเติมเต็มแบบไม่ทราบยี่ห้อ ผ่านหรือไม่ผ่าน FDA(อย.) หรือ แบบยี่ห้อดีๆ ของอเมริกา
ปัญหา : ในเคสนี้มาปรึกษาผมด้วยว่า เคสไปฉีด Filler เพื่อเสริมให้จมูกโด่งขึ้น แต่ไม่ทราบยี่ห้อครับ ปัญหาคือ จมูกมันบวมมากขึ้น จนเห็นเส้นเลือดฝอยบริเวณสันจมูกเลยครับ
การตรวจวิเคราะห์/วินิจฉัย: เกิดการบวม/อักเสบของจมูก จากการฉีด Filler กินและลุกลามขึ้นมาถึงผิวหนังจมูกชั้นตื้นๆ เห็นได้ชัดจากเส้นเลือดฝอยที่เกิดขึ้น
Fact (ความเป็นจริง) : ไม่ว่าFiller ใดๆ ก็ตาม หากนำมาฉีดเพื่อเสริมให้ส่วนต่างๆ ของร่างกายนูนโด่งขึ้น เช่น จมูก, หน้าอก มักมีโอกาสลงท้ายด้วยการอักเสบติดเชื้อ เพราะ เป็นการใช้ Filler ที่ผิดวัตถุประสงค์ (Filler นั้นเหมาะกับการเติมเต็มร่อง ริ้วรอยตื้นๆ เพียงเล็กน้อยเท่านั้นครับ) ยิ่ง Filler ที่ไม่ทราบยี่ห้อ/ที่มา ยิ่งมีโอกาสอักเสบติดเชื้อมากเท่านั้นครับ ส่วน Filler ที่ดีมียี่ห้อ ก็ควรเป็นชนิดที่สลายเร็ว จึงจะปลอดภัยมากที่สุดครับ (แต่อย่างไรก็ตาม บางครั้งก็พบว่า Filler ดีๆ ก็สลายไม่หมดเช่นกันครับ) ดังนั้นหากต้องการฉีด Filler ที่ดีที่สุดควรจะเป็นสิ่งที่มาจากร่างกายตัวเอง คือ การฉีด Fat (ไขมันตัวเอง) ครับ
แนวทางการแก้ไข : เนื่องจากการตรวจร่างกายและผล CT scan ของคนไข้ที่ผมได้ให้ไปทำมา ทำให้วินิจฉัยในเบื้องต้นได้ว่า Filler นั้นลุกลามจากชั้นลึกๆ (เหนือเยื่อหุ้มกระดูกและกระดูกอ่อน) กินขึ้นมาถึงผิวหนังชั้นตื้น/ชั้นหนังแท้ (Dermis) อันดับแรกต้องเลาะ Filler ออก (เลาะนะครับ ไม่ใช่ขูด) เพราะการเลาะ จะแม่นยำ ทำให้เราไม่ไปยุ่งกับส่วนที่ไม่จำเป็นต้องเอาออก เพราะจมูกเราไม่ได้มีแค่ผิวหนังนะครับ ยังมีกล้ามเนื้อที่ใช้ในการขยับปีก/รูจมูก ย่นจมูก มีความสำคัญในการหายใจ มีเยื่อหุ้มกระดูกแข็ง/อ่อน มีเส้นเลือดที่สำคัญกับการหายของแผล เพื่อให้แผลเนียนสนิท มีเส้นประสาทรับความรู้สึก เป็นต้น ดังนั้นจึงควรทำผ่านเทคนิคเปิด ซึ่งแผลภายนอกนั้นไม่ใช่ประเด็นที่น่ากังวล แผลมักหายแบบแนบเนียนครับ
ในระหว่างการผ่าตัด ก็เป็นดั่งที่คาดการณ์ไว้ครับ Filler ที่มีสถานะเป็นของเหลว ช่วงปลายจมูก เพียงแค่ลงมีดเปิดแผล Filler ก็ทะลักออกมามากส่วนนึงแล้วครับ หลังจากนั้นจะเหลือ Filler ที่เป็นชนิดแข็งแล้ว มีพังผืดมาเกาะ ที่ต้องเลาะออก หลังจากเลาะออกก็เป็นไปดังที่คาดครับ Filler กินไปมาก จนเหลือเพียงผิวหนังบางๆ มีความหนาเพียงแค่ 1 มิลลิเมตร เท่านั้นครับ…..
เหลือเนื้อบางแบบนี้ หากเสริมด้วยซิลิโคนจะมีความเสี่ยงหลักๆ อยู่ 2 ประเด็นครับ คือ
การติดเชื้อของซิลิโคน (เพราะ Filler นั้นไม่มีทางเอาออกได้หมด100%ครับ ดังนั้นจึงมีโอกาสปนเปื้อนซิลิโคนได้ )
เนื้อบางแบบนี้ ไม่สามารถรองรับซิลิโคนได้ครับ จะเห็นการทะลุที่สันจมูกแน่นอน
ดังนั้นจึงควรเสริมด้วยวัตถุที่เป็นของร่างกายตัวเองครับ ผมจึง แนะนำให้ใช้กระดูกอ่อนซี่โครง เพราะ
1) แผลผ่าตัดเล็ก
2) นำซี่โครงมาใช้ทดแทนได้ ซึ่งเทคนิคนี้ ไม่ได้นำซี่โครงมายัดทั้งท่อนครับ แต่จะใช้เทคนิคที่พิเศษ และ ต้องใช้เวลาค่อนข้างมาก โดยอาศัยความรู้และความชำนาญในการทำผ่าตัด แต่แน่นอนครับ ว่าผลออกมาค่อนข้างดีมากและปลอดภัยที่สุด และ ไม่ใช้ซิลิโคนเลย
3) เราสามารถดัดทรงของสันจมูกได้หลังจากการผ่าตัดครับ
ผลการผ่าตัด : สามารถเสริมทดแทนบริเวณสันที่หายไปได้ค่อนข้างดีมากครับ ส่วนปลายจมูก สามารถset ปลายด้วยการตั้งโครง และทำปลายจมูกใหม่ให้โด่งขึ้นด้วยกระดูกอ่อนปลายจมูกของคนไข้เอง (Lower Lateral Cartilage) ไม่มีโอกาสทะลุและจมูกจะออกมาสมส่วนดูเป็นธรรมชาติ กว่าการเสริมด้วยซิลิโคนครับ
ข้อดีของการผ่าตัดด้วยเทคนิคโอเพ่น (Open Rhinoplasty)
>>การผ่าตัดเลือดออกน้อยกว่าการเสริมจมูกเทคนิคปิด เพราะสามารถเลาะและห้ามเลือดได้อย่างแม่นยำครับ
>>ระหว่างทำผ่าตัดนั้นจะปลอดภัย ไม่รู้สึกเจ็บใดๆ เพราะเรามีวิสัญญีแพทย์คอยดูแลครับ กลับบ้านไปก็ไม่ได้เจ็บปวดทรมานแต่อย่างใดครับ
ผมขอฝากข้อคิดให้คนไข้ที่กำลังจะตัดสินใจทำศัลยกรรม ก่อนการผ่าตัด หรือ ฉีดสารใดๆ เข้าร่างกาย ผมในฐานะแพทย์เฉพาะทางด้านศัลยกรรมตกแต่งและเสริมสร้าง อยากให้คนไข้ตระหนักถึงข้อดีและข้อเสีย รวมถึงผลข้างเคียงที่จะเกิดขึ้น เพราะไม่ว่าการผ่าตัดใดๆ ก็ย่อมไม่มีความ perfect 100% นะครับ
#ศัลยกรรมเฉพาะทาง #ศัลยกรรมความงาม #ทำตา2ชั้น #เสริมจมูก #เสริมจมูกOpenRhino #ปากกระจับ #ตัดไขมันกระพุงแก้ม #ดูดไขมัน #ฉีดไขมัน #เสริมหน้าอก#เสริมหน้าผาก #โหงวเฮ้ง #openrhinoplasty #ribcartilage #tipplasty